ตอนเด็กๆ เราทุกคนอยากจะมีจักรยานเป็นของตัวเอง เด็กน้อยร้องไห้อ้อนขอซื้อจักรยานแบบที่ตนชอบ ฝึกฝน หกล้ม เป็นแผลเท่าไรก็ไม่กลัว เพราะหวังจะมีอิสระจากสองเท้าที่ออกแรงปั่น แม้ในบางทีจะเป็นแค่การปั่นรอบหมู่บ้านก็เถอะ แต่ยิ่งโตขึ้น เรากับ จักรยานที่รัก ก็เริ่มห่างไกลกันทุกวัน เมื่อจะกลับไปจับมันอีกครั้ง กลับรู้สึกเขินอายและเลือกที่จะปล่อยมันไว้ที่เดิม แต่ก็ยังมีคน อีกกลุ่มหนึ่งที่หยิบเจ้าจักรยานเพื่อนเก่ามาปั่นใช้ในชีวิตประจำวัน
“คุณมนตรี ฉันทะยิ่งยง” คือหนึ่งในนั้น เพราะการทำงาน ในเมืองหลวงที่ต้องเจอกับปัญหารถติดรายวัน เราเสียค่าใช้จ่าย เสีย เวลาและที่สำคัญเสียอารมณ์ ไปกับทุกๆ ครั้ง ที่ออกเดินทาง เขาจึง ตัดสินใจออกเดินทางไปทุกที่ โดยอาศัยเจ้าจักรยานเป็นยานพาหนะ คู่ใจและระหว่างทางเขาพบเจอคนที่มีทัศนะคติเดียวกันมากมาย เมื่อคนที่รักจักรยาน และเห็นคุณค่าของการปั่นรวมตัวกัน จึงทำให้ เกิด BikeXenger นักขนส่งด้วยจักรยาน ทำธุรกิจที่คิดถึงโลกเป็นหลัก ถึงแม้ว่า ในปัจจุบันจะมีวิธีการขนส่งสินค้าให้เราได้เลือกใช้บริการหลากหลาย ทั้งรวดเร็ว และง่ายดายเพียงใด แต่พวกเขาก็ยังยืนยันที่จะปั่นเพื่อให้ โลกรู้ว่า จักรยานนี่แหละที่จะนำของไปส่งให้ถึงมือคุณและคุณกำลัง ช่วยโลกใบนี้ไว้อีกด้วย บางคนอาจจะตั้งคำถามในใจว่า จักรยานเนี่ยนะ? แต่การ แสดงออก BikeXenger ทำให้หลายๆ คนเปลี่ยนความคิดบางอย่าง และอยากลองกลับไปจับจักรยานคันเก่าที่เขาเคยรัก พวกเขาสร้าง สังคมของคนรักจักรยาน และเป็นตัวแทนเพื่อบอกให้สังคมรู้ว่า เราสามารถใช้จักรยานเป็นพาหนะได้อย่างดีทีเดียว สร้างนักปั่นที่ ทำตามกฏจราจรอย่างสมบูรณ์ และมีวิธีการที่จะใช้จักรยานอย่าง ปลอดภัย สอดแทรกไปในการส่งพัสดุ ที่ถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย เช่นกัน สิ่งที่พวกเขาทำเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย แรงศรัทธา และความเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ดั่งการ ปลูกต้นไม้ที่ต้องอาศัยเวลา และการดูแลเอาใจใส่ และเมื่อต้นไม้นั้น โตขึ้น เราจะยืนกอดคอแล้วยิ้มให้กันอย่างภูมิใจ ว่าพวกเรานี่แหละ เป็นคนที่ปลูก รดนำ้พรวนดิน และเฝ้าดูมันมาด้วยกัน
ซึ่งในวันนี้ เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มีนักปั่นเพิ่มมากขึ้นแล้ว หวังว่าในอนาคต เราจะเห็นจักรยานในทุกที่ และทุกคนมีความสุข กับการได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง เหมือนพวกเขา BikeXenger “เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลก แม้จะเป็นเพียง ส่วนน้อยแต่เราก็ดีใจ”